เอกนัฏ สั่ง สมอ. คุมเข้มลวดชุบแข็ง-เหล็กแผ่นเคลือบ จี้ผู้ประกอบการขอใบอนุญาต

12 ธันวาคม 2567
เอกนัฏ สั่ง สมอ. คุมเข้มลวดชุบแข็ง-เหล็กแผ่นเคลือบ จี้ผู้ประกอบการขอใบอนุญาต

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับทราบปัญหาของอุตสาหกรรมเหล็กที่ได้รับผลกระทบจากการทุ่มตลาดของประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กไทยแบบครอบคลุม และสนับสนุนการใช้มาตรการตอบโต้และปกป้องทางการค้า

โดยการเริ่มต้นเรียกเก็บอากรกับเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนเจืออัลลอย และเพิ่มความเข้มข้นในการยกระดับการควบคุมผลิตภัณฑ์เหล็กทุกชนิด โดยการประกาศเป็นมาตรฐานบังคับเพิ่มอีก 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีตอัดแรง, เหล็ก EG, เหล็ก GI และ เหล็กอลูซิงค์ พร้อมทั้งกำชับให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ควบคุมการนำเข้าและจำหน่ายเหล็กอย่างเข้มงวดทุกช่องทางด้วย 

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเหล็ก เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการผลิต การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง หากเหล็กไม่ได้มาตรฐานจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความปลอดภัยของประชาชน จึงต้องควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นทางโดยการประกาศเป็นสินค้าควบคุม เพื่อสกัดกั้นการนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้ามาในประเทศ เพื่อให้การแข่งขันทางธุรกิจอยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน

"สิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องรู้ในการเลือกซื้อเหล็ก คือ ต้องดูเครื่องหมาย มอก. และ QR Code ที่ติดอยู่บนป้ายสินค้าทุกครั้ง ซึ่งเมื่อสแกน QR Code ก็จะเห็นใบอนุญาตที่ระบุชื่อผู้ได้รับอนุญาต ชื่อผู้ผลิต สถานที่ที่ผลิต หรือชื่อผู้นำเข้า ประเทศที่นำเข้า รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ แบบ รุ่น โมเดล และเครื่องหมายการค้า เพื่อยืนยันว่าเป็นเหล็กที่ได้มาตรฐานและได้รับอนุญาตจาก สมอ. จริง” นายเอกนัฏ กล่าว

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สมอ. ได้ดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเพิ่มความเข้มข้นในการยกระดับการควบคุมสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในปี 2567-2568 จะประกาศเพิ่มอีก 58 มาตรฐาน จากปัจจุบัน 144 มาตรฐาน และที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ อีก 4 มาตรฐาน ได้แก่ ลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีตอัดแรง และเหล็กแผ่นเคลือบอีก 3 มาตรฐาน 

โดย "ลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีตอัดแรง” ถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างอาคารหรือสะพาน เช่น เสาเข็ม แผ่นพื้น คาน และชิ้นส่วนประกอบของงานโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ เป็นต้น จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับ “เหล็กแผ่นเคลือบ” ซึ่งนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น กันสาด ราวบันได และรั้ว ฯลฯ  จะมีผลบังคับใช้อีก 3 มาตรฐาน ได้แก่

1) เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสี โดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า หรือ “เหล็ก EG” จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป 2) เหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสี โดยกรรมวิธีจุ่มร้อน หรือ “เหล็ก GI” และ 3) เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสี โดยกรรมวิธีจุ่มร้อน หรือ “เหล็กอลูซิงค์” จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ซึ่งบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน  มีโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากฝ่าฝืนจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ   

ทั้งนี้ สมอ. ได้เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการโดยการให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบเพื่อการอนุญาต กระบวนการยื่นขออนุญาตและการตรวจติดตามภายหลังได้รับใบอนุญาต ไปแล้ว  เมื่อวันที่ 3 - 4 ธันวาคม 2567 ทั้งในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมสัมมนากว่า 500 คน

 
 

แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.